ไม่มีสินค้าในตระกร้าสินค้า!
5 ความจริงที่ต้องรู้! ก่อนเลือกการรักษาฝ้าแบบผิดๆ
หลายคนอาจจะรู้จัก ฝ้า กันดีอยู่แล้ว แต่จะมีใครรู้บ้างว่าวิธีการรักษาฝ้านั้นมีหลากหลายวิธี พร้อมทั้งมีดีมีเสียต่างกันไป เรามารู้จักวิธีต่างๆที่ช่วยในการรักษาฝ้ากันค่ะ
5 วิธีที่ช่วยรักษาฝ้า
1. รักษาฝ้าด้วย ยารับประทาน
ข้อดี – ยาชนิด Tranxemic acid เป็นยาที่ออกฤทธิ์ทำให้เลือดหยุดคลั่ง จึงนำมาประยุกต์ใช้เป็นยาทานรักษาฝ้า เนื่องจากยาชนิดนี้สามารถลดการสร้างเม็ดสีในผิวหนัง มีผลทำให้ฝ้าจางลงในบางรายเท่านั้น
ข้อเสีย – ยังไม่มีผลการวิจัยเป็นที่ยืนยันอย่างชัดเจน และต้องทานยาระยะยาวถึงจะเห็นผล บางรายมีผลข้างเคียง ภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตันมีอันตรายถึงชีวิต
2. รักษาฝ้าด้วย ครีมทาฝ้า
ข้อดี – ครีมทาฝ้ามักมีสารเร่งการผลัดผิวทำให้เม็ดสีเมลานินถูกกำจัดออกไปได้เร็วขึ้น ฝ้าจึงจางลง สารเหล่านี้จะมาจาก กรดAlphahydroxy acid (AHA) ยาไฮโดรคิวโนน (Hydroquinone) กรดโคจิค (Kojic acid) หรือเจลวิตามินซี และกรดวิตามินเอ
ข้อเสีย – หน้าลอก แสบแดง ระคายเคือง ทำให้คล้ำมากกว่าเดิม หรืออาจเกิดเป็นด่างขาวได้ ดังนั้นยาทาบางชนิดควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด
3. รักษาฝ้าด้วย เลเซอร์
ข้อดี - การรักษาหรือปรับสภาพผิว โดยใช้พลังงานแสงที่เป็นคลื่นความถี่ที่มีความยาวมาก จึงสามารถเข้าถึงชั้นผิวหนังได้ไปยังเซลล์เป้าหมาย เพื่อไปทำลายกลุ่มรอยดำเมลานิน ที่เป็นฝ้า อยู่ในชั้นเซลล์ผิว ให้แตกตัวออกมา ให้เม็ดเลือดขาวทำลายกัดกินซากเมาลานินเหล่านี้ ทำให้ฝ้าค่อยๆจางลง
ข้อเสีย – หลายคนรักษาแล้วหน้าคล้ำกว่าเดิม หน้าไหม้ บางคนมีปัญหาถึงขั้นฝ้าไม่หาย ยังฝังลึกมากกว่าเดิม ทำให้หน้าบาง ไวต่อแดด แถมค่าใช้จ่ายยังสูงอีกด้วย
4. รักษาฝ้าด้วย เครื่องกรอผิว
ข้อดี – ช่วยเร่งการขจัดเซลล์ชั้นหนังกำพร้าให้ลอกหลุดเร็วขึ้น ได้ผลสำหรับฝ้าและกระที่อยู่ในชั้นตื้นๆเท่านั้น
ข้อเสีย – ทำให้ผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย มีเลือดไหลซิบๆ ไวต่อแสงแดด หน้าไหม้ง่ายขึ้น ต้องดูแลและวังหลังการรักษา
5. รักษาฝ้าด้วย ครีมสมุนไพร
ข้อดี – สารสกัดที่ได้จากพืชสมุนไพรธรรมชาติ ที่ช่วยดูแลและบำรุงผิวหน้า ทำให้ฝ้า กระ รอยด่างดำ ค่อยๆจางลง ปลอดภัยมากกว่าการใช้สารเคมี
ข้อเสีย – เห็นผลช้า ต้องรักษาอย่างสม่ำเสมอจึงจะเห็นผล และมีครีมเถื่อนมากมายที่หลอกว่าเป็นครีมสมุนไพร ควรเลือกที่ไว้ใจได้ ผ่านการตรวจสอบจาก อย.
หากยังไม่แน่ใจว่าควรรักษาฝ้าอย่างไรจึงจะเหมาะสม ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอรับคำปรึกษา และรักษาฝ้าได้อย่างถูกวิธีต่อไปค่ะ :)
