6 ขั้นตอน การดูแลผิวที่เป็นฝ้าด้วยตัวเอง

16/10/2015 0 Comment(s) บทความเกี่ยวกับฝ้า,

ทราบหรือไม่? ว่าการดูแลผิวหน้าที่เป็นฝ้า ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะคุณสามารถทำได้เองง่ายๆ เพียงแค่ 6 ขั้นตอนเท่านั้น! มาเริ่มดูแลผิวหน้ากันตั้งแต่ตอนนี้กันเลยดีกว่าค่ะ :)

 

ขั้นตอนที่ 1 ทำความสะอาดผิวหน้า

     ผิวหน้าที่ถูกมลภาวะ ฝุ่นควัน และสารเคมีจากเครื่องสำอาง จะส่งผลให้ผิวหน้าเกิดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ สิว และริ้วรอยเกิดขึ้นบนใบหน้า จึงควรทำความสะอาดใบหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น

 

(1.) เลือกโฟมหรือครีมล้างหน้าที่มีค่า pH อ่อนโยนต่อผิวหน้า

(2.) เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าตามสภาพผิว

  • ผิวมัน : ไม่ควรเลือกโฟมล้างหน้าที่ล้างแล้วรู้สึกว่าใบหน้าแห้งไม่เหลือความชุ่มชื้น ควรเลือกซื้อโฟมล้างหน้าแบบที่มีคำว่า ออยล์โซลูชั่น หรือ สูตรควบคุมความมัน
  • ผิวผสม : ผิวผสมสามารถเลือกใช้ได้หลายประเภทมากกว่าผิวประเภทอื่นๆ แต่ต้องเลือกโฟมล้างหน้า หรือครีมโฟมล้างหน้าที่ถนอมผิว
  • ผิวแห้ง/ผิวบอบบางแพ้ง่าย : เป็นผิวที่ขาดความชุ่มชื้นเพราะไม่ค่อยมีไขมันตามธรรมชาติ ควรเลือกใช้ครีมล้างหน้า หรือครีมโฟมล้างหน้าที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ผสมอยู่   

(3.) ทำความสะอาดผิวหน้าตามแนวรูขุมขนบนใบหน้า

(4.) เช็ดผิวหน้าด้วยโทนเนอร์หลังทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อให้ผิวสะอาดยิ่งขึ้น

 

 

ขั้นตอนที่ 2 น้ำมันลดรอยดำ

     เลือกใช้น้ำมันสกัดจากธรรมชาติที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดรอยดำจากฝ้า กระ จุดด่างดำ อย่างน้ำมันมะร้าว, นำมันมะรุม และน้ำมันละหุ่ง เป็นต้น

 

(1.) น้ำมันมะพร้าว มีกรดลอริกเป็นสารฆ่าเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ ทำให้รอยฝ้าจาง พร้อมยังมีวิตามินอีช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น ขาวใสขึ้น และช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย

(2.) น้ำมันมะรุม มีวิตามินซี โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ที่จะช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ผลัดเซลล์ผิวคล้ำให้ค่อยๆหลุดลอกอย่างอ่อนโยน พร้อมผิวนุ่ม ตึงกระชับขึ้น

(3.) น้ำมันละหุ่ง อุดมไปด้วย วิตามินอี ไตรกลีเซอไรด์ ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ลดริ้วรอย ฝ้า กระ รอยดำจากสิว

 

 

ขั้นตอนที่ 3 สครับผิว+พอกหน้า

     การสครับผิวหน้า จะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว อย่ายผิวหมอง คราบไคล หรือรอยดำจากสิว ฝ้า กระ ให้ค่อยๆหลุดลอกออกไปได้เป็นอย่างดี รวมถึงการพอกหน้าก็จะช่วยเพิ่มสารอาหารแก่ผิวหน้า ช่วยลดรอยดำ กระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ได้ดี

 

(1.) สครับข้าวโอ๊ตบด - ใช้ข้าวโอ๊ตบดผสมน้ำผึ้ง นวดๆขัดๆผิวหน้าเบาๆ 2-3 นาที พอกทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกให้สะอาด ผิวกระจ่างใส นุ่มมากขึ้น

(2.) สครับน้ำตาลทรายแดง –ผสมน้ำตาลทรายแดง กับมะนาว ขัดนวดใบหน้า และพอกทิ้งไว้ 30 นาที ล้างออกให้สะอาด ผิวสะอาดใส เนียนนุ่ม

(3.) พอกหน้ามะขามเปียก – มะขามเปียกผสมขมิ้นผง พอกหน้า 20 นาที ล้างออกให้สะอาดด้วยน้พอุ่น กระชับผิวด้วยน้ำเย็น ผิวขาวใส ลดรอยฝ้าได้ดี

(4.) พอกหน้าวุ่นว่านหางจระเข้ – ปลอกเปลือกว่านหางจระเข้ ล้างยางให้สะอาด ฝานแผ่นบางๆพอกหน้า 15-20 นาที ช่วยบรรเทาอากรไหม้แดดได้ดี

(5.) แผ่นมาร์คหน้าสำเร็จรูป – เลือกสูตรที่มีวิตามินซี AHA กรดซิดตริก กรดโคจิก หรือสูตร Whitening ก็จะช่วยให้รอยฝ้าจางลงได้ดี

 

 

ขั้นตอนที่ 4 ใช้ครีมรักษาฝ้า

     เลือกครีมรักษาฝ้าที่มีสารสกัดจากสมุนไพรที่จะช่วยให้รอยฝ้าจางลงได้อย่างปลอดภัย มากกว่าการใช้สารเคมีอย่างครีมหน้าขาว หรือครีมทาฝ้าตามท้องตลาดที่จะแอบใส่สารปรอท หรือสารไฮโดรคิวโนนในปริมาณมากทำให้ฝ้าจางไวกว่าปกติ แต่เมื่อหยุดใช้ หน้าจะพัง และฝ้าฝังลึกกว่าเดิม

 

(1.) การเลือกครีมรักษาฝ้าที่ดีควรเลือกครีมรักษาฝ้าที่ผลิตจากสมุนไพร พร้อมได้มาตราฐาน ปลอดภัย ด้วยการรับรองจาก อย. และ สธ.

(2.) ต้องควบคุมการผลิตโดยนักวิทยาศาสตร์ด้านเวชสำอางค์สมุนไพรโดยตรง

(3.) ทดสอบครีมก่อนใช้ด้วยการป้ายครีมที่ใต้คาง ท้องแขน เพื่อทดสอบอาการแพ้

 

 

ขั้นตอนที่ 5 ทาครีมกันแดด

     การทาครีมกันแดด จะช่วยปกป้องผิวหน้าจากแสงแดด เพราะแสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รอยฝ้าชัดเด่นขึ้น จึงต้องปกป้องผิวหน้าจากแสงแดด้วยทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA++++ และทาซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดดดีขึ้น

 

(1.) ถึงจะอยู่แต่ในอาคารก็ควรทาครีมกันแดดด้วย เพราะรังสีจากจอคอม และหลอดไฟสามารถทำร้ายผิวหน้าให้เกิดรอยฝ้าชัดขึ้น

(2.) หลบเลี่ยงแสงแดดในเวลา 10.00 – 16.00 น.

(3.) แต่งกายให้มิดชิดเพื่อหลบเลี่ยงแสงแดด ป้องกันฝ้า

 

 

ขั้นตอนที่ 6 ดูแลตัวเอง

     การดูแลตัวเองจากภายใน อย่างการทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ การดื่มน้ำสะอาด ผ่อนคลายความเครียด และออกกำลังกาย จะช่วยให้ภายในร่างกายดีขึ้น ส่งผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง รอยดำจากสิว ฝ้า กระ ก็จะค่อยๆเบาบางลงได้เป็นอย่างดี

 

(1.) ทานผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซี เพื่อช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดฝ้า ได้แก่ ส้ม มะนาว แอปเปิ้ลเขียว พืชตระกูลเบอรี่ เป็นต้น

(2.) ผักใบเขียวที่มีสารเบต้าแคโรทีน อย่าง บล็อคโคลี คะน้า ผักโขม ลดการอักเสบของผิวหนัง และไปยับยั้งการเกิดสิว ฝ้า กระ ได้

(3.) ทานอาหารจำพวกวิตามินบี12 ได้แก่ ตับ ไข่แดง เนื้อสัตว์ นม ชีส จะช่วยป้องกันการเกิดฝ้า

(4.) ทานอาหารเสริมจำพวกวิตามินซ เมล็ดองุ่น และวิตามินรวม จะช่วยเพิ่มการต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดรอยฝ้า

(5.) ดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ขับล่างสารพิษในร่างกาย

(6.) ผ่อนคลายความเครียด ด้วยการทำสมาธิ อ่านหนังสือ แช่น้ำ จะช่วยผ่อนคลาย ลดการผลิตฮอร์โมน และเมลานิน

(7.) ออกกำลังกายวันละ 30 นาที เป็นอย่างน้อย เพื่อให้ผิวพรรณ และร่างกายแข็งแรง ต่อสู้กับอนุมูลอิสระ เพื่อลดรอยฝ้า

 

 

เพียง 6 ขั้นตอนง่ายๆ คุณก็สามารถรักษา และบรรเทารอยฝ้าบนใบหน้าให้ค่อยๆจางลงได้อย่างดี แต่ถ้าอยากให้รอยฝ้าจางลงไวยิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกใช้ครีมรักษาฝ้าของ Herb&Her เพราะครีมหลอดนี้ ปรับสูตรใหม่ เพิ่มสารสกัดจากหัวไชเท้า ช่วยลดรอยฝ้าให้จางลงได้อย่างดีขึ้น!

เขียนความคิดเห็น...