วันนี้ Herb & Her มีวิธีรักษาฝ้าแบบง่ายๆ เพียง 5 วิธีเท่านั้น หากคุณปฏิบัติตามเป็นประจำ รับรองเลยว่ารอยฝ้าที่หนาแน่น ดำคล้ำ จางลงได้อย่างอ่อนโยนแน่นอน!
รักษาฝ้าวิธีที่ 1 : ชำระล้างเคมีบนใบหน้า
(สบู่ vitamin e บริสุทธิ์ ปรับผิวชุ่มชื้น ลดฝ้า กระ สิว)
ควรทำความสะอาดใบหน้าวันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น) โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ Vitamin E ที่ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนโยน พร้อมคืนความกระจ่างใส ผิวหน้าชุ่มชื้น เมื่อใช้แล้วผิวหน้าไม่แห้งตึง
โดยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้านี้ จะต้องพร้อมชำระล้างเคมีจากเครื่องสำอาง สิ่งสกปรก แบคทีเรีย และความมันบนใบหน้าได้อย่างหมดจด เพราะเคมีจากเครื่องสำอางจะมีปฏิกิริยาที่ไวต่อแสงแดด หากสะสมนานวันเข้าจะทำให้เกิดรอยฝ้าได้ง่าย และอาจฝังลึกขึ้นเมื่อคุณทำความสะอาดไม่หมดจดพอ
คำเตือน – หากไม่อยากเป็นฝ้า เป็นสิว ต้องอย่าลืมทำความสะอาดใบหน้า เช้า / เย็น
รักษาฝ้าวิธีที่ 2 : ฟื้นฟูเซลล์ผิวเสื่อมจากรอยฝ้า
(เซรั่มมะหาด ผิวขาวใส ลดเลือนรอยฝ้า ถึงระดับเซลล์ผิว)
เมื่อคุณทำความสะอาดใบหน้าเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือการบำรุงผิวหน้า ด้วยการเลือกใช้เซรั่มรักษารอยฝ้า (เช้า – เย็น)
เซรั่มที่ดีจะต้องที่มีสารสกัดหลักจากสมุนไพรที่ช่วยลดการเกิดเม็ดสี (melanin) จาก มะหาด, มะเฟือง และมะขามป้อม ที่จะตรงเข้าซึมซาบถึงระดับเซลล์ผิว ทำให้ลดรอยดำจากฝ้าได้ดี โดยสมุนไพรเหล่านี้ จะมีส่วนประกอบที่ช่วยลดรอยดำ อย่าง Vitamin C, B3, A และ AHA ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดรอยดำฝ้า กระ จุดด่างดำจากสิว ทำให้ปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้น พร้อมกระตุ้นคอลเจน ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย
รักษาฝ้าวิธีที่ 3 : บำรุงผิวหน้า ลดรอยฝ้า
(ครีมรักษาฝ้า ช่วยลดรอยฝ้าอย่างตรงจุด)
หากอยากให้รอยฝ้าจางลงรวดเร็ว และเห็นผลไวขึ้น คุณจำเป็นจะต้องใช้ครีมรักษาฝ้า (เช้า-เย็น) โดยเลือกใช้ครีมรักษาฝ้าที่ปลอดภัย ไร้สารเคมี หรือเลือกใช้ครีมรักษาฝ้าสูตรสมุนไพรที่ช่วยลดเลือนฝ้าอย่างตรงจุด
ครีมสมุนไพรรักษาฝ้า ที่มีส่วนผสมหลักที่ได้จากรากปอสา และหัวไชเท้า จะมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสี (Melanin) อย่างตรงจุด อีกทั้งมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดี จึงช่วยเร่งขบวนการการผลัดเปลี่ยนสีผิว เพื่อเผยผิวขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้ผิวบอบบางลง
คำเตือน – ระวังครีมที่มีสารเคมีทำร้ายผิว อย่าง ปรอท, ไฮโรควิโนน เพราะสารเคมีเหล่านี้เมื่อใช้แรกๆเห็นผลว่าขาวจริง ขาวไว ต่เมื่อหยุดใช้ หน้าบาง ไวต่อแสง ฝ้าฝังลึก!
รักษาฝ้าวิธีที่ 4 : ปกป้องผิวหน้าจากแสงแดด
(ครีมกันแดด SPF50 PA+++ ช่วยปกป้องพร้อมลดเลือนฝ้า)
เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA+++ เพื่อช่วยป้องกันรังสี UVA/UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทาก่อนออกจากบ้าน 15 นาที จะมีประสิทธิภาพในการกันรังสี UV ดีขึ้น
เพราะแสงแดด เป็นตัวการสำคัญทำให้เกิดรอยฝ้าได้ง่ายที่สุด! ดังนั้ น ครีมกันแดดที่ดี ควรมีส่วนช่วยในการป้องกันรังสี UV ถึง 50 เท่า (SPF50 PA+++) และมีส่วนผสมของธรรมชาติอย่างชาเขียว และเมล็ดองุ่น ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดเม็ดสีผิว ทำให้รอยฝ้าลดเลือนลง
เพิ่มเติม
- หากวันใดที่ออกแดดกลางแจ้งเป็นเวลานาน อย่าลืมป้องกันแดดด้วยหมวกปีกกว้าง สวมเสื้อแขนยาว และทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง
- หากอยู่ในบ้าน/อาคาร ก็ควรทาครีมกันแดดด้วย เพื่อช่วยป้องกันผิวจากรังสี UV ตามหลอดไฟ จอคอม และความร้อนจากเตา
รักษาฝ้าวิธีที่ 5 : ดูแลผิวจากภายใน ลดฝ้าดีมาก
1.) ทานอาหารต้านฝ้า สารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ได้พืช ผัก ผลไม้ สีเข้ม เพื่อต่อต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ ผลไม้รสเปรี้ยว ธัญพืชต่างๆ ผักใบเขียว พืชสีเหลือง สีส้ม เป็นต้น
2.) อาหารเสริมที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี เพื่อช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระ ลดเม็ดสีผิวคล้ำได้
3.) ดื่มน้ำสะอาดให้ได้อย่างน้อย วันละ 8-10 แก้ว หรือดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร เพื่อช่วยให้ร่างกายได้ระบายสารพิษ และขับความร้อน (ไม่ควรดื่มน้ำทีเดียวพรวดๆ แต่ควรจิบๆน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้ว)
4.) นอนหลับพักผ่อน เป็นการฟื้นฟูร่างกาย และผิวพรรณที่เหนื่อยล้ามาทั้งวันให้ได้พักผ่อน เพียงนอนวันละ 7-8 ชั่วโมง ก็จะช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดการเกิดฝ้า กระ ริ้วรอย และสิว
5.) หมั่นกำจัดความเครียด ด้วยการนั่งสมาธิ ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อลดความเครียด เพราะความเครียดเป็นก่ออนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดรอยฝ้า และริ้วรอยก่อนวัย
เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถรักษาฝ้าให้จางลงได้ง่ายๆ ทั้งประหยักเวลา และเห็นผลจริงแน่นอน ชุดรักษาฝ้าสมุนไพร Herb & Her ปลอดภัย มีมาตราฐานจาก อย. และ สธ. ใช้ได้ทุกสภาพผิว แม้ผิวบบอบบางก็ใช้ได้ ไม่แพ้ แสบ แดงแน่นอน!